การท่องเที่ยว 5 เพชรเม็ดงามหนุนเที่ยว

การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยว นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวได้อีกมาก โดยเฉพาะการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงรุกชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน รวมกว่า 3,000 กิโลเมตร ซึ่งในปี 2565 มีมูลค่ารายได้รวมมากถึง 1.21 ล้านล้านบาทแบ่งเป็น 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ 1.พื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และ 2 จังหวัดใกล้เคียง คือ จันทบุรี และตราด ปี 2565 มีผู้มาเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ 31 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 340,000 ล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3,081 บาท/คน/วัน สามารถพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรมให้ทัศนศึกษาและเยี่ยมชมโรงงานผลิตสินค้าได้ เหมือนในเมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีโรงเบียร์คิริน (Kirin) และพิพิธภัณฑ์บะหมี่ถ้วยของแบรนด์นิสชิน (Nissin)”

2.พื้นที่โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง 4 จังหวัด มีจุดขายทั้งภูเขาและทะเล สามารถโปรโมตเส้นทางขับรถเที่ยว ซึ่งต้องพัฒนาสถานีริมทาง คอมมูนิตี้คอมเพล็กซ์สำหรับขายสินค้าต่างๆ

รองรับการขับรถเที่ยว โดยปี 2565 มีจำนวนชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยว 18 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 85,000 ล้านบาท คิดเป็นการใช้จ่ายเฉลี่ย 2,362 บาท/คน/วัน

3.พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง และสตูล ปี 2565 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 29 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 600,000 ล้านบาท มากกว่าพื้นที่อีอีซีเกือบ 2 เท่าแม้มีผู้เยี่ยมเยือนน้อยกว่า คิดเป็นการใช้จ่ายเฉลี่ย 4,800 บาท/คน/วัน สูงสุดในบรรดา 5 คลัสเตอร์

พื้นที่นี้ต้องถีบตัวเองให้เป็นพรีเมียมอันดามัน ตอบโจทย์เรื่องคุณภาพมากขึ้น โดยโปรเจกต์สำคัญคือการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป 2028 ภูเก็ต ไทยแลนด์ และส่งเสริมพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ให้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อน ส่งเสริม จ.พังงา ให้เป็นจุดหมายปลายทางโลว์คาร์บอน ในพื้นที่เกาะคอเขา เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และเขาหลัก