ทั่วโลกตื่นตัวแก้ปัญหา  แก้ไขปัญหาขยะอาหาร (Food Waste)

 

ทั่วโลกตื่นตัวแก้ปัญหา

ทั่วโลกตื่นตัวแก้ปัญหา  นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) หลังจากผลสำรวจพบทั่วโลกมีปริมาณขยะอาหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยะ

 

อาหารเหล่านี้ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า ทั้งที่อาหารบางอย่าง บางประเภท สามารถนำมาบริโภคต่อได้ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยแก้ปัญหาความอดอยากและขาดสารอาหาร ทำให้หลาย ๆ ชาติได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อโลกและผู้คน จึงได้ผลักดัน และออกกฎหมายให้มีการนำอาหารที่เดิมจะต้องทิ้งเป็นขยะอาหารมาใช้ให้เกิดประโยชน์

 

โดยจากการศึกษา พบว่า มีรัฐบาลหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เช่น ฝรั่งเศส ออกกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านขยะอาหาร กำหนดให้ร้านค้าปลีกตั้งแต่ 400 ตารางเมตร ห้ามทิ้งและทำลายอาหารที่ยังไม่หมดอายุ ให้ใช้วิธีทำสัญญากับองค์กรการกุศลหรือธนาคารอาหาร เพื่อบริจาคและนำไปแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการ และมีมาตรการด้านภาษีเป็นแรงจูงใจ, สหรัฐฯ

 

ออกกฎหมายกำหนดให้ผู้บริจาคอาหารโดยสุจริต ไม่ต้องรับโทษทางแพ่งและอาญา หากอาหารที่บริจาคไปเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และปัจจุบันมีการจัดทำฐานข้อมูลแหล่งผลิตอาหารกว่า 1.2 ล้านแห่งทั่วประเทศ มีหน่วยรับบริจาคกว่า 5,000 แห่ง และเกาหลีใต้ ได้เปลี่ยนการเก็บค่าธรรมเนียมการเก็บขยะในอัตราคงที่ เป็นเก็บตามสัดส่วนปริมาณขยะที่ทิ้งและให้แยกขยะ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ เพื่อจูงใจให้ครัวเรือนลดปริมาณขยะ เรียนรู้การแยกขยะ

 

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าภาคเอกชนในหลายประเทศ ได้มีการพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อช่วยลดปัญหาขยะอาหาร เช่น สหรัฐฯ มีแอปพลิเคชัน Misfits Market ให้คนซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่คุณภาพดีแต่ไม่สวยงาม ไม่สมบูรณ์ ในราคาถูกกว่าปกติ 40% มีแอปฯ Food for All ช่วยให้ซื้ออาหารได้ 1 ชั่วโมงก่อนร้านปิด ได้รับส่วนลดสูงสุด 80%, อังกฤษและไอร์แลนด์ มีแอปฯ FoodCloud เชื่อมโยงธุรกิจที่มีอาหารส่วนเกิน

 

กับองค์กรการกุศลและชุมชนที่ต้องการอาหาร, สิงคโปร์มีแพลตฟอร์ม Treatsure ให้บริการบุฟเฟต์ใส่กล่อง (Buffet In A Box) ก่อนหมดเวลาบุฟเฟต์, เดนมาร์กมีแอปฯ Too Good To Go ช่วยให้ร้านอาหารและร้านขายของชำต่าง ๆ

 

นำอาหารส่วนเกินมาขายแบบลดราคา และสหราชอาณาจักรมีแอปฯ Nosh ใช้ AI คำนวณวันหมดอายุของอาหาร และติดตามพฤติกรรมการซื้ออาหาร โดยจะช่วยวางแผนการซื้อของ และแนะนำสูตรอาหารจากวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนออกไปเลือกซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต

 

ขอบคุณข้อมูล